ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง AI แห่งอาเซียนท่ามกลางโอกาสใหม่ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – Media OutReach Newswire – 29 ธันวาคม 2568 – ในขณะที่ทั่วโลกยังคงให้ความสนใจในการแข่งขันด้าน AI อยู่นั้น ประเทศไทยก็กำลังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของตนเองในฐานะ "ศูนย์กลาง AI แห่งอาเซียน" ซึ่งรัฐบาลกำลังเดินหน้าผลักดันนโยบาย "Thailand 4.0" อย่างต่อเนื่อง โดยวางเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
การเติบโตของเอไอและศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยกำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ได้แก่:
- รูปแบบการรับส่งข้อมูลเปลี่ยนไป เมื่อศูนย์ข้อมูลเพิ่มจำนวนขึ้นในกรุงเทพฯ ชลบุรี และพื้นที่อื่น ๆ ประเทศไทยก็จะเปลี่ยนบทบาทจากเดิมที่เป็น "จุดผ่านข้อมูล" ไปสู่การเป็น "ศูนย์รวมข้อมูล" ระดับภูมิภาค การรับส่งข้อมูลดิจิทัลในแนวตะวันออก–ตะวันตกเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยเริ่มรองรับความต้องการด้านการประมวลผลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในวงกว้างมากขึ้น
- เส้นทางข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เส้นทางข้อมูลที่เคยต้องพึ่งพาเคเบิลใต้น้ำผ่านฮ่องกงและสิงคโปร์ กำลังทยอยเปลี่ยนมาใช้โครงข่ายดิจิทัลบนภาคพื้นดินที่เชื่อมต่อจีน ลาว และไทย เส้นทางนี้ช่วยลดความหน่วงในการส่งข้อมูลจากภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ความคาดหวังทางธุรกิจที่สูงขึ้น ความต้องการของตลาดกำลังเปลี่ยนจาก "แบนด์วิดท์ที่เพียงพอ" ไปเป็น "ประสบการณ์คุณภาพสูง" ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่า "จุดกลมกล่อมด้านความหน่วง" สำหรับตลาดสำคัญในเอเชียแปซิฟิก โดยมีค่าความหน่วงในการเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซียอยู่ในช่วงที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวต่อความหน่วงของข้อมูล เช่น รถยนต์ไร้คนขับ การแพทย์ทางไกล และฟินเทค
2. ข้อได้เปรียบด้านความหน่วงที่ยังไม่ถูกใช้เต็มที่: แม้ประเทศไทยแม้จะมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ แต่ประสิทธิภาพด้านความหน่วงของเครือข่ายยังไปไม่ถึงขีดศักยภาพสูงสุด เส้นทางเชื่อมต่อไปยังตลาดสำคัญ เช่น จีน ยังคงต้องพึ่งพาการส่งผ่านของผู้ให้บริการรายที่สาม นอกจากนี้ การจัดสรรเครือข่ายแบบดั้งเดิมยังขาดความสามารถในการเลือกเส้นทางอย่างชาญฉลาด ทำให้ยากที่จะรับประกันความแน่นอนให้กับบริการที่อ่อนไหวต่อความหน่วง เช่น ธุรกรรมทางการเงิน หรือการโต้ตอบกับ AI แบบเรียลไทม์
3. ความเสี่ยงด้านความเสถียรของเครือข่าย: ความเสถียรของเครือข่ายในประเทศไทยยังเผชิญกับข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง ซึ่งจุดล้มเหลวเพียงจุดเดียวก็เคยก่อให้เกิดการขัดขัดข้องต่อบริการที่สำคัญยาวนานหลายชั่วโมงมาแล้ว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าองค์กรโดยตรง
เพื่อก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ ประเทศไทยสามารถยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งสร้างเครือข่ายยุคใหม่ที่พร้อมรองรับ AI ดังนี้
1. สร้างการเชื่อมต่อ "สายเคเบิลใต้น้ำ-ภาคพื้นดิน" แบบแบนด์วิดท์สูงพิเศษ การนำเข้าและวางสายเคเบิลใต้น้ำใหม่ ๆ อย่างแข็งขันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศไทยในการเชื่อมต่อกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลกได้อย่างมาก พร้อมกันนั้น การเร่งสร้างและขยายเส้นทางสายเคเบิลภาคพื้นดินที่สำคัญ เช่น เส้นทาง จีน-ลาว-ไทย และ ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ จะเปลี่ยนความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยให้กลายเป็นความได้เปรียบด้านการเชื่อมต่อที่จับต้องได้จริง
2. ปรับเส้นทางเครือข่ายเพื่อสร้างศูนย์กลางความหน่วงต่ำระดับภูมิภาค การเสริมความแข็งแกร่งให้เส้นทางสายเคเบิลภาคพื้นดิน คุนหมิง-ลาว-ไทย จะช่วยลดความหน่วงในการส่งข้อมูลระหว่างจีนและไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอบรับความต้องการใช้งานแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ การนำเครือข่ายอัตโนมัติมาใช้งาน จะทำให้สามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมและสั้นที่สุดได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการให้บริการแบบ "ดีที่สุดเท่าที่ทำได้" ไปสู่ "ความหน่วงต่ำที่กำหนดได้อย่างแน่นอน"
3. ออกแบบโครงสร้างที่มีความยืดหยุ่นสูงแบบ "ไม่สะดุด" การปรับใช้เครือข่ายศูนย์ข้อมูลแบบ active-active ที่มีความสามารถในการสลับเส้นทางในระดับมิลลิวินาที จะช่วยรับประกันความต่อเนื่องของบริการที่สำคัญ ขณะเดียวกัน การนำระบบปฏิบัติการและบำรุงรักษาอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ จะช่วยลดระยะเวลาในการตรวจจับและวิเคราะห์ปัญหา จากเดิมที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที
การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเอไอและศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยกำลังผลักดันความต้องการทางธุรกิจในระดับภูมิภาคและข้ามพรมแดนให้ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ท่ามกลางกระแสนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีศูนย์ข้อมูลเป็นศูนย์กลางจึงถือเป็นกลไกหลักที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI ซึ่งช่วยผลักดันประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางเอไอแห่งใหม่ของภูมิภาคอาเซียนตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้
Comments
Post a Comment