Tolaram ของสิงคโปร์เตรียมต้อนรับการลงทุนจาก IFC ในเขตปลอดภาษีอากรลากอสเพื่อเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมและสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจในไนจีเรีย

 ลากอส, ไนจีเรีย - Media OutReach Newswire - 12 กุมภาพันธ์ 2568 - Tolaram, เจ้าของและผู้ให้บริการเขตปลอดภาษีอากรลากอส (Lagos Free Zone) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ มีความภูมิใจที่จะได้ประกาศให้ทราบว่าบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) ได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนในหุ้นเป็นมูลค่าสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเขตปลอดภาษีอากรลากอส


การลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปิดช่องว่างด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไนจีเรียในระดับโลก โดยจะช่วยเร่งการพัฒนาเฟสแรกของเขตปลอดภาษีอากรลากอส ซึ่งมีพื้นที่ 860 เฮกตาร์ ผ่านการขยายการพัฒนาที่ดิน โรงงานอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ ด้วยการเชื่อมต่อโดยตรงกับท่าเรือน้ำลึก Lekki เขตปลอดภาษีอากรลากอสจึงมีจุดแข็งเฉพาะตัวโดยเป็นระบบนิเวศอุตสาหกรรมแบบครบวงจรที่มีประสิทธิภาพ ที่สามารถอำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออกอย่างราบรื่น พร้อมส่งเสริมบทบาทของไนจีเรียในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก

การลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาคอขวดด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและปรับปรุงการเชื่อมต่อครั้งนี้คาดว่าจะเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เสริมความแข็งแกร่งให้กับไนจีเรียในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคชั้นนำ และส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ

Navin Nahata, กรรมการผู้จัดการด้านเทคโนโลยีการเงินและโครงสร้างพื้นฐานของ Tolaram กล่าวว่า "ธุรกิจของ Tolaram มีประวัติอันยาวนานในไนจีเรีย และเรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศนี้ การลงทุนครั้งสำคัญในเขตปลอดภาษีอากรลากอสครั้งนี้ไม่เพียงแค่แก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย"

Adesuwa Ladoja, กรรมการผู้จัดการและซีอีโอของบริษัทเขตปลอดภาษีอากรลากอส เสริมว่า "การสนับสนุนจาก IFC ถือเป็นการยอมรับที่สำคัญและเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อวิสัยทัศน์ของเราในการพัฒนาเขตปลอดภาษีอากรลากอสให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก การลงทุนครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถขยายโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เพื่อดึงดูดผู้เช่าทั้งจากต่างประเทศและในประเทศมากขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับไนจีเรีย เขตปลอดภาษีอากรลากอส ซึ่งเชื่อมต่อกับท่าเรือน้ำลึก Lekki ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจในไนจีเรีย และยังเป็นการสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลกลางไนจีเรียในการกระจายเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ผลักดันการเติบโตและสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนผ่านความร่วมมือที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงร่วมกับกับ IFC"

ปัจจุบันเขตปลอดภาษีอากรลากอสเป็นที่ตั้งของแบรนด์อุตสาหกรรมหลายราย ไม่ว่าจะเป็น Kellogg's, Dano Milk, Colgate, BASF, ADM, รวมถึง Tata International และท่าเรือ Lekki ซึ่งเป็นท่าเรือที่ลึกและทันสมัยที่สุดของไนจีเรีย

มีการคาดการณ์ว่าเมื่อเขตปลอดภาษีอากรลากอสมีการใช้งานเต็มพื้นที่แล้ว จะสามารถสร้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ถึง 30,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะช่วยสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะยาวให้กับไนจีเรีย ด้วยเศรษฐกิจไนจีเรียที่คาดว่าจะเติบโต 3.7% ในปี 2569 การลงทุนในลักษณะนี้จึงมีความสำคัญต่อการรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ

Dahlia Khalifa, ผู้อำนวยการของ IFC ประจำภูมิภาคแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตกที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก กล่าวว่า "การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ IFC ในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและการพัฒนาที่ยั่งยืนในไนจีเรีย เขตปลอดภาษีอากรลากอสกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการสร้างงาน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไนจีเรียในตลาดโลก เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับเขตปลอดภาษีอากรลากอสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดึงดูดธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และช่วยให้ไนจีเรียสามารถปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่"

การลงทุนในเขตปลอดภาษีอากรลากอสยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ IFC ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยประมาณ 15% ของเงินลงทุนถูกจัดสรรสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงอาคารที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Excellence in Design for Greater Efficiencies (EDGE) และโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้

การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับการปฏิรูปเศรษฐกิจของไนจีเรียที่กำลังดำเนินอยู่ และสนับสนุนกรอบยุทธศาสตร์ในวงกว้างของ IFC ซึ่งรวมถึงกรอบความร่วมมือ Nigeria Country Partnership Framework 2021–2025 และแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศปี 2015 โดยทั้งสองแนวทางให้ความสำคัญกับการกระจายเศรษฐกิจ การพัฒนากลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขัน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

Comments

Popular posts from this blog

Global travel guidebook picks: Recommended Travel Destinations for 2022, Shikoku selected as one of the top 10 regions!

TUMI จับมือศิลปิน Weber Zhang เพื่อเฉลิมฉลองปีมังกร

Number_I: การกลับมาอีกครั้งของสามอดีตสมาชิกวงเจป๊อป King & Prince และการปล่อยซิงเกิ้ล 'GOAT' จากอัลบั้ม EP เป็นครั้งแรก