สยามเมืองยิ้ม แต่คนไทย 98% กลับไม่กล้ายิ้ม! คอลเกตร่วมรณรงค์ให้คนไทยยิ้มได้เต็มที่ในแบบของตัวเองภายใต้ แคมเปญ #FreeYourSmile
WeChat WhatsApp Messenger X Facebook Line Skype Viber Kakao Reddit Telegram LinkedIn คอลเกตได้ออกแคมเปญ #FreeYourSmile โดยปรับโลโก้ของตัวเองเพื่อเฉลิมฉลองให้รอยยิ้มที่แตกต่างหลากหลาย โดยเป็นแคมเปญที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากวันยิ้มโลกที่ผ่านมา
ประเทศไทย -
Media OutReach
- 18 ตุลาคม 2566 - คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ ("คอลเกต")
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายของใช้ในบ้านและของใช้ส่วน บุคคลระดับโลก
ประกาศยืนหยัดต่อสู้กับ
Smile Shame หรือ การอายที่จะยิ้ม พร้อมเชิดชูความงดงามและความสำคัญ ของรอยยิ้มทุกรูปแบบ ผ่านแคมเปญ #FreeYourSmile โดยแคมเปญนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากวันยิ้มโลกที่ผ่านมาใน
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 โดยคอลเกตเชื่อว่าการยิ้มได้เต็มที่ในแบบของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างยิ่งเพราะการยิ้มนั้น มี ประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจรวมถึงความสัมพันธ์ของคนในสังคมโดยคอลเกตได้ริเริ่มแคมเปญนี้ ในทั่วภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริง
คอลเกตเริ่มต้นจากการลงพื้นที่จริงเพื่อทำวิจัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อที่จะได้มีความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างแท้จริง พร้อมประกาศการเริ่มต้นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ขจัด Smile Shame หรือ การอายที่จะยิ้ม เพื่อให้สังคมได้
รับประโยชน์จากการยิ้มได้อย่างเต็มที่
งานศึกษาของคอลเกตในปี 2566 พบว่าคนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคถึง 94% อยากที่จะยิ้มในแบบของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ประเทศไทยครองอันดับหนึ่งร่วมกับไต้หวันและฟิลิปปินส์ โดยมีคนจำนวนมากถึง 98% ต้องการที่จะยิ้มได้อย่างเต็มที่
มากกว่านี้โดยไม่ต้องกังวลความคิดเห็นของคนอื่น
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังเผยอีกว่า 95% ของคนไทยรู้สึกว่าตนมีอิสระที่จะยิ้มได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ซึ่งเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย 62% บอกว่าเคยมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับรอยยิ้มของตัวเอง
ข้อมูลดังกล่าวมาจากการศึกษาโดยบริษัทวิจัย Pureprofile เดือนสิงหาคม - กันยายน 2566 ที่ได้ทำการสำรวจ สอบถามคนกว่า 4,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 16 - 55 ปี ใน 8 ประเทศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินเดีย โดยจำนวน 500 คนของผู้ตอบแบบสำรวจเป็นชาวไทย
เพื่อเป็นการร่วมฉลองเดือนแห่งวันยิ้มโลก คอลเกตร่วมเชิดชูและให้ความสำคัญกับทุกๆรอยยิ้ม ด้วยการปรับโลโก้ยิ้ม ประจำแบรนด์คอลเกตให้เป็นรอยยิ้มหลากหลายรูปแบบ เพื่อแสดงถึงรอยยิ้มที่สวยงามอันแตกต่างหลากหลายที่อยู่ รอบตัวเราในทุกวัน นอกจากนี้ คอลเกตยังร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนและผลักดันเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น "ซูซี่ วดี" (Suzie Wadee) บิวตี้บล็อกเกอร์ชาวไทย, "ฐิติพันธ์ พันธุ" หรือ "ดรีมบาร์โค้ด" (@dreambarcodeza) TikToker ชื่อดัง และ "ปูเป้ จิรดาภา" อินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์ ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเคยเผชิญหน้ากับความไม่มั่นใจ ในรอยยิ้มของตน แต่ปัจจุบันได้ยอมรับในรอยยิ้มที่แตกต่างหลากหลายและยิ้มได้อย่างเต็มที่เพื่อสะท้อน ความเป็นตัว ของตัวเอง ได้อย่างเต็มภาคภูมิ และภายใต้แคมเปญ #FreeYourSmile คอลเกตยังได้นำเสนอเครื่องมือ AI Smile Generator บนเว็บไซต์ colgate.com/yourcolgatesmile เพื่อให้ทุกคนได้มาสร้างรอยยิ้มในแบบของตัวเองกับคอลเกต พร้อมแชร์ รอยยิ้มของตัวเองบนโซเชียล มีเดีย บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok และ Instagram เพื่อเฉลิมฉลอง ให้กับรอยยิ้มทุกรูปแบบ
Yves Briantais, รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า "การอายที่จะยิ้ม (Smile Shame) เป็นปัญหาที่แพร่หลายมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสิ่งนี้จะต้อง ได้รับการเปลี่ยนแปลง คอลเกต มีพันธกิจสำคัญที่จะปลดปล่อยผู้คนจากความอายที่จะยิ้ม ให้ทุกคนได้ยิ้มอย่างเต็มที่ ในแบบของตัวเอง เปิดรับรอยยิ้มที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน เราเชื่อว่าแบรนด์มีพลังที่จะท้าทายมาตรฐาน ความงามแบบเดิมๆและช่วยส่งเสริมความงามที่แท้จริงอันแตกต่างหลากหลาย คอลเกตขออาสาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยร่วมเฉลิมฉลองรอยยิ้มทุกรูปแบบ" จากการศึกษาของคอลเกตในปี 2566 พบว่าคนไทยกว่า 86% เชื่อว่าแบรนด์ควรมี บทบาทในการแก้ปัญหาเรื่อง Smile Shame หรือการไม่กล้าที่จะยิ้มในแบบของตัวเอง
สนับสนุนให้ทุกคนได้รับรู้ถึงประโยชน์จากการยิ้ม
จากผลสำรวจ คนไทยรู้สึกดีต่อตัวเองและสบายใจมากขึ้นเมื่อสามารถยิ้มได้อย่างเต็มที่ โดยสัดส่วนของผู้ชาย (50%) ที่รู้สึกเช่นนี้มากกว่าผู้หญิง (37%) นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนแนวคิดที่ว่าการยิ้มส่งผลกระทบ เชิงบวกให้สุขภาพจิตดีขึ้น เสมือนยาต้านภาวะซึมเศร้าและยาแก้ปวดโดยธรรมชาติ การยิ้มยังส่งผลดีต่อหัวใจ ช่วยลด ความดันเลือด และช่วยให้ฟื้นฟูจากอาการหลังเหตุการณ์เครียดได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย คุณประโยชน์ที่สำคัญของการยิ้มคือ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ผ่านการเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนั้น รอยยิ้ม ยังเป็นตัวช่วยอันทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และสร้างความเชื่อใจ โดยการสร้างความประทับใจอย่างยั่งยืน กับผู้อื่น
ยืนหยัดต่อสู้กับการอายที่จะยิ้ม (Smile Shame)
"Smile Shame" อาจไม่ใช่คำที่หลายคนคุ้นเคย มันสื่อถึงความรู้สึกอับอาย ประหม่า หรือไม่มั่นใจในรอยยิ้มของตนเอง ผลการศึกษาเกี่ยวกับรอยยิ้มของคอลเกตในปี 2023 พบว่า คนไทยจำนวนถึง 62% เคยมีประสบการณ์ทางตรงหรือทางอ้อม เกี่ยวกับเรื่อง Smile Shame หรือการอายที่จะยิ้ม
Parul Patel Desai, รองประธานฝ่ายการตลาด และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์รวมภูมิภาคอินโดจีน บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ กล่าวว่า "เพราะเมืองไทยได้ชื่อว่าเป็น "สยามเมืองยิ้ม" จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่คนไทยส่วนมาก รู้สึกว่าสามารถยิ้มได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แม้เป็นเรื่องน่าดีใจ แต่การสำรวจของเราพบว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่รู้สึกไม่มั่นใจ ในรอยยิ้มของตน และรู้สึกได้รับผลกระทบด้านลบจาก "Smile Shame" เราหวังว่าการริเริ่มแคมเปญนี้จะช่วยเริ่มทลายกำแพง ดังกล่าว และจุดประกายให้คนไทยทุกคนได้เผยรอยยิ้มในแบบของตัวเองได้อย่างเต็มที่"
คนไทย 62% รู้สึกปลอดภัยที่จะพูดเรื่อง การอายที่จะยิ้ม (Smile Shame) เนื่องจากมีเพื่อนและครอบครัวที่เข้าใจ และสังคมก็มีมุมมองที่ยอมรับที่จะพูดคุยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมดังกล่าว
เฉลิมฉลองให้ความหลากหลายของรอยยิ้ม
การอายที่จะยิ้มหรือ Smile Shame เชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆหลากหลายข้อด้วยกันในแต่ละประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมอง ความคิดที่แตกต่างกันว่าอะไรคือรอยยิ้มที่สวยงาม โดยในประเทศไทย "Smile Shame" เกี่ยวข้องกับความกังวลเรื่องสีฟัน และลักษณะของฟันในแต่ละคน
ในปี 2566 งานศึกษาด้านรอยยิ้มของคอลเกตได้เผยสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยกังวลเกี่ยวกับการยิ้ม คือ การรู้สึกไม่มั่นใจ ในตนเอง ตามด้วยความกังวลเกี่ยวกับความคิดของผู้อื่นต่อรอยยิ้มของตน ซึ่งรวมถึงสายตาจากครอบครัว เพื่อน และ แม้กระทั่งคนแปลกหน้า ซึ่งในความจริงแล้ว 62% ของคนไทยที่ถูกทำให้รู้สึกแย่เกี่ยวกับรอยยิ้มของตัวเอง สาเหตุหลักเกิด จากคำพูดของครอบครัวและเพื่อน ตามด้วยความเห็นของคนใน Social Media ที่ทำให้พวกเข้ารู้สึกว่าต้องมี ฟันที่สวยสมบูรณ์ พร้อมเท่านั้น จึงจะยิ้มได้อย่างมั่นใจ
แคมเปญ #FreeYourSmile เป็นก้าวแรกของคอลเกตในการเฉลิมฉลองทุกรอยยิ้ม และต่อสู้กับการอายที่จะยิ้ม (Smile Shame) โดยจะมีแคมเปญอื่นๆตามมาในอนาคต จุดมุ่งหมายสูงสุดของคอลเกตสำหรับแคมเปญนี้และในอนาคต คือการได้สร้างแรงบันดาลใจให้แต่ละคนสามารถเผยความเป็นตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ แม้เราจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ colgate.com/yourcolgatesmile
'What's the science behind a smile' (2014) British Council. Available at: https://www.britishcouncil.org/voices-magazine/famelab-whats-science-behind-smile#:~:text=Seeing%20people%20smile%20stimulates%20our,blood%20pressure%20and%20heart%20rate.
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 โดยคอลเกตเชื่อว่าการยิ้มได้เต็มที่ในแบบของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างยิ่งเพราะการยิ้มนั้น มี ประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจรวมถึงความสัมพันธ์ของคนในสังคมโดยคอลเกตได้ริเริ่มแคมเปญนี้ ในทั่วภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริง
คอลเกตเริ่มต้นจากการลงพื้นที่จริงเพื่อทำวิจัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อที่จะได้มีความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างแท้จริง พร้อมประกาศการเริ่มต้นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ขจัด Smile Shame หรือ การอายที่จะยิ้ม เพื่อให้สังคมได้
รับประโยชน์จากการยิ้มได้อย่างเต็มที่
งานศึกษาของคอลเกตในปี 2566 พบว่าคนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคถึง 94% อยากที่จะยิ้มในแบบของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ประเทศไทยครองอันดับหนึ่งร่วมกับไต้หวันและฟิลิปปินส์ โดยมีคนจำนวนมากถึง 98% ต้องการที่จะยิ้มได้อย่างเต็มที่
มากกว่านี้โดยไม่ต้องกังวลความคิดเห็นของคนอื่น
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังเผยอีกว่า 95% ของคนไทยรู้สึกว่าตนมีอิสระที่จะยิ้มได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ซึ่งเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย 62% บอกว่าเคยมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับรอยยิ้มของตัวเอง
ข้อมูลดังกล่าวมาจากการศึกษาโดยบริษัทวิจัย Pureprofile เดือนสิงหาคม - กันยายน 2566 ที่ได้ทำการสำรวจ สอบถามคนกว่า 4,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 16 - 55 ปี ใน 8 ประเทศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินเดีย โดยจำนวน 500 คนของผู้ตอบแบบสำรวจเป็นชาวไทย
เพื่อเป็นการร่วมฉลองเดือนแห่งวันยิ้มโลก คอลเกตร่วมเชิดชูและให้ความสำคัญกับทุกๆรอยยิ้ม ด้วยการปรับโลโก้ยิ้ม ประจำแบรนด์คอลเกตให้เป็นรอยยิ้มหลากหลายรูปแบบ เพื่อแสดงถึงรอยยิ้มที่สวยงามอันแตกต่างหลากหลายที่อยู่ รอบตัวเราในทุกวัน นอกจากนี้ คอลเกตยังร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนและผลักดันเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น "ซูซี่ วดี" (Suzie Wadee) บิวตี้บล็อกเกอร์ชาวไทย, "ฐิติพันธ์ พันธุ" หรือ "ดรีมบาร์โค้ด" (@dreambarcodeza) TikToker ชื่อดัง และ "ปูเป้ จิรดาภา" อินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์ ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเคยเผชิญหน้ากับความไม่มั่นใจ ในรอยยิ้มของตน แต่ปัจจุบันได้ยอมรับในรอยยิ้มที่แตกต่างหลากหลายและยิ้มได้อย่างเต็มที่เพื่อสะท้อน ความเป็นตัว ของตัวเอง ได้อย่างเต็มภาคภูมิ และภายใต้แคมเปญ #FreeYourSmile คอลเกตยังได้นำเสนอเครื่องมือ AI Smile Generator บนเว็บไซต์ colgate.com/yourcolgatesmile เพื่อให้ทุกคนได้มาสร้างรอยยิ้มในแบบของตัวเองกับคอลเกต พร้อมแชร์ รอยยิ้มของตัวเองบนโซเชียล มีเดีย บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok และ Instagram เพื่อเฉลิมฉลอง ให้กับรอยยิ้มทุกรูปแบบ
Yves Briantais, รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า "การอายที่จะยิ้ม (Smile Shame) เป็นปัญหาที่แพร่หลายมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสิ่งนี้จะต้อง ได้รับการเปลี่ยนแปลง คอลเกต มีพันธกิจสำคัญที่จะปลดปล่อยผู้คนจากความอายที่จะยิ้ม ให้ทุกคนได้ยิ้มอย่างเต็มที่ ในแบบของตัวเอง เปิดรับรอยยิ้มที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน เราเชื่อว่าแบรนด์มีพลังที่จะท้าทายมาตรฐาน ความงามแบบเดิมๆและช่วยส่งเสริมความงามที่แท้จริงอันแตกต่างหลากหลาย คอลเกตขออาสาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยร่วมเฉลิมฉลองรอยยิ้มทุกรูปแบบ" จากการศึกษาของคอลเกตในปี 2566 พบว่าคนไทยกว่า 86% เชื่อว่าแบรนด์ควรมี บทบาทในการแก้ปัญหาเรื่อง Smile Shame หรือการไม่กล้าที่จะยิ้มในแบบของตัวเอง
สนับสนุนให้ทุกคนได้รับรู้ถึงประโยชน์จากการยิ้ม
จากผลสำรวจ คนไทยรู้สึกดีต่อตัวเองและสบายใจมากขึ้นเมื่อสามารถยิ้มได้อย่างเต็มที่ โดยสัดส่วนของผู้ชาย (50%) ที่รู้สึกเช่นนี้มากกว่าผู้หญิง (37%) นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนแนวคิดที่ว่าการยิ้มส่งผลกระทบ เชิงบวกให้สุขภาพจิตดีขึ้น เสมือนยาต้านภาวะซึมเศร้าและยาแก้ปวดโดยธรรมชาติ การยิ้มยังส่งผลดีต่อหัวใจ ช่วยลด ความดันเลือด และช่วยให้ฟื้นฟูจากอาการหลังเหตุการณ์เครียดได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย คุณประโยชน์ที่สำคัญของการยิ้มคือ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ผ่านการเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนั้น รอยยิ้ม ยังเป็นตัวช่วยอันทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และสร้างความเชื่อใจ โดยการสร้างความประทับใจอย่างยั่งยืน กับผู้อื่น
ยืนหยัดต่อสู้กับการอายที่จะยิ้ม (Smile Shame)
"Smile Shame" อาจไม่ใช่คำที่หลายคนคุ้นเคย มันสื่อถึงความรู้สึกอับอาย ประหม่า หรือไม่มั่นใจในรอยยิ้มของตนเอง ผลการศึกษาเกี่ยวกับรอยยิ้มของคอลเกตในปี 2023 พบว่า คนไทยจำนวนถึง 62% เคยมีประสบการณ์ทางตรงหรือทางอ้อม เกี่ยวกับเรื่อง Smile Shame หรือการอายที่จะยิ้ม
Parul Patel Desai, รองประธานฝ่ายการตลาด และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์รวมภูมิภาคอินโดจีน บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ กล่าวว่า "เพราะเมืองไทยได้ชื่อว่าเป็น "สยามเมืองยิ้ม" จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่คนไทยส่วนมาก รู้สึกว่าสามารถยิ้มได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แม้เป็นเรื่องน่าดีใจ แต่การสำรวจของเราพบว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่รู้สึกไม่มั่นใจ ในรอยยิ้มของตน และรู้สึกได้รับผลกระทบด้านลบจาก "Smile Shame" เราหวังว่าการริเริ่มแคมเปญนี้จะช่วยเริ่มทลายกำแพง ดังกล่าว และจุดประกายให้คนไทยทุกคนได้เผยรอยยิ้มในแบบของตัวเองได้อย่างเต็มที่"
คนไทย 62% รู้สึกปลอดภัยที่จะพูดเรื่อง การอายที่จะยิ้ม (Smile Shame) เนื่องจากมีเพื่อนและครอบครัวที่เข้าใจ และสังคมก็มีมุมมองที่ยอมรับที่จะพูดคุยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมดังกล่าว
เฉลิมฉลองให้ความหลากหลายของรอยยิ้ม
การอายที่จะยิ้มหรือ Smile Shame เชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆหลากหลายข้อด้วยกันในแต่ละประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมอง ความคิดที่แตกต่างกันว่าอะไรคือรอยยิ้มที่สวยงาม โดยในประเทศไทย "Smile Shame" เกี่ยวข้องกับความกังวลเรื่องสีฟัน และลักษณะของฟันในแต่ละคน
ในปี 2566 งานศึกษาด้านรอยยิ้มของคอลเกตได้เผยสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยกังวลเกี่ยวกับการยิ้ม คือ การรู้สึกไม่มั่นใจ ในตนเอง ตามด้วยความกังวลเกี่ยวกับความคิดของผู้อื่นต่อรอยยิ้มของตน ซึ่งรวมถึงสายตาจากครอบครัว เพื่อน และ แม้กระทั่งคนแปลกหน้า ซึ่งในความจริงแล้ว 62% ของคนไทยที่ถูกทำให้รู้สึกแย่เกี่ยวกับรอยยิ้มของตัวเอง สาเหตุหลักเกิด จากคำพูดของครอบครัวและเพื่อน ตามด้วยความเห็นของคนใน Social Media ที่ทำให้พวกเข้ารู้สึกว่าต้องมี ฟันที่สวยสมบูรณ์ พร้อมเท่านั้น จึงจะยิ้มได้อย่างมั่นใจ
แคมเปญ #FreeYourSmile เป็นก้าวแรกของคอลเกตในการเฉลิมฉลองทุกรอยยิ้ม และต่อสู้กับการอายที่จะยิ้ม (Smile Shame) โดยจะมีแคมเปญอื่นๆตามมาในอนาคต จุดมุ่งหมายสูงสุดของคอลเกตสำหรับแคมเปญนี้และในอนาคต คือการได้สร้างแรงบันดาลใจให้แต่ละคนสามารถเผยความเป็นตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ แม้เราจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ colgate.com/yourcolgatesmile
อ้างอิง
'Good reasons to Smile' (2023) John Hopkins Medicine. John Hopkins All Children's Hospital. Available at: https://www.hopkinsallchildrens.org/Patients-Families/Health-Library/HealthDocNew/Good-Reasons-to-Smile
Smile! It's Good for Your Heart' (Sep 2012) Greater Good Science Center at the University of California, Berkeley. Available at: https://greatergood.berkeley.edu/article/item/smile_its_good_for_your_heart
'11 Benefits of Smlling' (Oct 2021) Delaware Psychological Services. Available at: https://www.delawarepsychologicalservices.com/post/11-benefits-of-smiling
'11 Benefits of Smlling' (Oct 2021) Delaware Psychological Services. Available at: https://www.delawarepsychologicalservices.com/post/11-benefits-of-smiling
'Good reasons to Smile' (2023) John Hopkins Medicine. John Hopkins All Children's Hospital. Available at: https://www.hopkinsallchildrens.org/Patients-Families/Health-Library/HealthDocNew/Good-Reasons-to-Smile
Smile! It's Good for Your Heart' (Sep 2012) Greater Good Science Center at the University of California, Berkeley. Available at: https://greatergood.berkeley.edu/article/item/smile_its_good_for_your_heart
'What's the science behind a smile' (2014) British Council. Available at: https://www.britishcouncil.org/voices-magazine/famelab-whats-science-behind-smile#:~:text=Seeing%20people%20smile%20stimulates%20our,blood%20pressure%20and%20heart%20rate.
Comments
Post a Comment