กิจกรรม Simply Recycle Challenge ของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น สะสมกระป๋องผลิตภัณฑ์ได้กว่า 712,000 กระป๋องเพื่อส่งไปรีไซเคิล จากผู้เข้าร่วม 3,300 รายทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 ฮ่องกง - Media OutReach - 22 พฤศจิกายน 2022 - เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น บริษัทด้านโภชนาการชั้นนำของโลก ประกาศผลกิจกรรมรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น หรือ Simply Recycle Challenge ซึ่งเป็นโครงการระดับภูมิภาคที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกทั่วทั้งตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกร่วมส่งกระป๋องผลิตภัณฑ์เปล่าของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่นที่ใช้แล้ว เพื่อนำกลับมารีไซเคิลใหม่อีกครั้ง โดยโครงการนี้จัดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งทำการสะสมกระป๋องผลิตภัณฑ์เปล่าได้ทั้งหมด 712,232 กระป๋อง คิดเป็นน้ำหนัก 36 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับช้างแอฟริกาจำนวน 6 ตัว จากสมาชิกเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่นกว่า 3,300 คนที่เข้าร่วมการโครงการ

ผลของกิจกรรม Simply Recycle Challenge ยังช่วยให้เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่นสามารถปลูกต้นไม้ได้ 1,421 ต้น ผ่านความร่วมมือกับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร One Tree Planted ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ต้นไม้ 1 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 10 กิโลกรัมต่อปีในช่วง 20 ปีแรก ดังนั้นต้นไม้เหล่านี้จึงสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากโลกได้ประมาณ 14 ตันต่อปี หรือเท่ากับการเดินทางรอบโลกถึง 2 รอบ เมื่อเทียบกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการใช้รถยนต์ที่วิ่งโดยใช้เชื้อเพลิงปิโตเลียม

"เรายินดีกับผลของกิจกรรมและการตอบรับเชิงบวกจากสมาชิกของเราที่สนับสนุนโครงการสีเขียวนี้" นายสตีเฟน คอนชี ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและจีนของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น กล่าวว่า "การดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ความรับผิดชอบทั่วโลกของเรา จากการดำเนินกิจกรรม Simply Recycle Challenge เพื่อสร้างแรงจูงใจในการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา ไปจนถึงการลดการใช้พลาสติกทั่วทั้งเครือข่ายการจัดจำหน่าย ซึ่งเรากำลังดำเนินการตามขั้นตอนที่มีความหมายเพื่อทำสิ่งที่จำเป็นในการส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้คนและโลก"

ทั้งนี้มีการเปิดตัวในวันสิ่งแวดล้อมโลกปี 2022 (5 มิถุนายน 2565) ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Go Green ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยโครงการ Simply Recycle Challenge สนับสนุนให้สมาชิกอิสระของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น และเจ้าของ Nutrition Club ทั่วภูมิภาคร่วมรีไซเคิลกระป๋องผลิตภัณฑ์เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่นที่ใช้แล้ว

นอกเหนือจากกิจกรรม Simply Recycle Challenge แล้ว ตลาดเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่นบางแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ดำเนินโครงการรีไซเคิลเพิ่มเติม โดยร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น เช่น:

• ในเวียดนาม เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่นร่วมมือกับสมาคมเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งนครโฮจิมินห์ (HANE) เพื่อเปลี่ยนกระป๋องผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้เป็นเม็ดพลาสติกสำหรับนำกลับมาใช้ซ้ำในการผลิต
• ในฟิลิปปินส์ ความร่วมมือระหว่างบริษัทกับ Green Antz สามารถช่วยเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ที่ถูกทิ้งให้เป็นวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• ในมาเลเซีย บริษัทได้มีส่วนร่วมกับ Recycle for Life (RFL) เพื่อรวบรวมกระป๋องและขวดผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วจากศูนย์จำหน่ายและกระจายสินค้าในเมืองกัวลาลัมเปอร์เป็นประจำ ซึ่ง 100% ของรางวัลเงินสดที่ได้จากโครงการนี้จะบริจาคให้กับมูลนิธิเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น เพื่อพัฒนาชีวิตเด็กและชุมชนในประเทศ
• และในประเทศไทย บริษัททำการบริจาคกระป๋องบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้แก่วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อแปรรูปเป็นวัสดุที่ใช้ประโยชน์ได้

ส่วนในระดับโลก เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่นยังคงริเริ่มอย่างต่อเนื่องในการขจัดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลาสติกโดยเพิ่มการผสมผสานของวัสดุรีไซเคิล อาทินวัตกรรมพลาสติก PCR (post-consumer resin) ในกระป๋อง Formula 1 ในขณะที่ลดปริมาณโดยรวมของบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์โภชนาการ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบระดับโลกของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ติดตามได้ที่www.IAmHerbalifeNutrition.com/global-responsibility/

เกี่ยวกับเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น จำกัด

เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น (NYSE: HLF) เป็นบริษัทระดับโลกที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนด้วยผลิตภัณฑ์โภชนาการที่ดีและมอบโอกาสทางธุรกิจที่เชื่อถือได้แก่สมาชิกอิสระของ เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น มาตั้งแต่ปี 1980 เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองทางวิทยาศาสตร์ให้กว่า 95 ประเทศทั่วโลกผ่านสมาชิกผู้จำหน่ายอิสระที่พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล รวมถึงแนวทางการสนับสนุนชุมชนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคได้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น ผ่านความพยายามของบริษัทที่จะมอบโภชนาการที่ดีแก่ผู้คน ชุมชน และโลก เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ให้คำมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวก ซึ่งเป็นการทำความดีที่สามารถจับต้องได้ให้ได้ 50 ล้านครั้งภายในปี 2030 ซึ่งบริษัทจะครบรอบ 50 ปี